วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

มลพิษจากสารอันตราย

  • ปัจจุบันประเทศไทยมีการนำสารอันตรายเข้ามาใช้ประโยชน์ในการพัฒนา ทั้งทางด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และสาธารณสุขเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ทั้งชนิดและปริมาณ โดยนำสารอันตรายทั้งในรูปสารเคมีอินทรีย์และสารอนินทรีย์เข้ามาจากประเทศเพื่มขึ้นจาก 1.31 ล้านตัน ในปี พ.ศ. 2531 เป็น 2.79 ล้านตัน ในปี พ.ศ. 2536 สารอันตรายที่นำเข้าเหล่านี้ จะอยู่ในลักษณะที่เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปและสารเคมีพื้นฐาน ที่จะต้องนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมต่อไป โดยส่วนใหญ่จะเป็นสารที่จัดอยู่ในจำพวกวัตถุไวไฟ วัตถุระเบิด วัตถุมีพิษ และวัตถุกัดกร่อน สารอันตรายเหล่านี้ปัจจุบันนำมาใช้อย่างไม่ถูกต้อง ขาดความรับผิดชอบ และความตะหนัก ตลอดจนขาดการรักกุมในการควบคุมอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การนำเข้า การผลิต การจำหน่าย การขนส่ง การใช้การเก็บรักษา และการทำลายกาก ได้มีผลทำให้เกิดอุบัติภัยร้ายแรงและเกิดพิษภัยอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งความเป็นพิษนี้เป็นได้ทั้งแบบเฉียบพัน และเรื้อรัง รวมทั้งสร้างความสูญเสียทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วย นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบสารเคมีตกค้างในสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทั้งในดิน น้ำ และตะกอน ซึ่งสะสมขึ้นเรื่อยๆ จนอาจนำไปสู่ความเสียหายของระบบนิเวศน์ได้ และที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือการตกค้างของสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชในผลิตผลการเกษตร ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคและการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศด้วย
     
  • ปัญหามลพิษจากสารอันตรายดังกล่าว ได้มีการแก้ไปแล้วบางส่วนแต่ก็ยังมีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากขึ้นต่อไปในอนาคตได้ เนื่องจากประเทศไทยกำลังพัฒนาเป็นประเทศกึ่งอุตสาหกรรมหรือประเทศอุตสาหกรรมใหม่จึงมีแนวโน้มที่จะต้องนำสารอันตรายเข้ามาใช้ประโยชน์มากขึ้น ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดปัญหามลพิษจากสารอันตรายมากขึ้นด้วนเช่นกัน ถ้าขาดการจัดการที่เหมาะสมตั้งแต่ขั้นตอนการนำเข้า การผลิต การจำหน่าย การขนส่ง การใช้ การเก็บรักษาและการกำจัดกากทั้งนี้เนื่องจากในปัจจุบันการนำเข้าสารอันตรายบางชนิดยังไม่มีการควบคุมไม่มีชื่อสามัญกำกับ ขากมาตรฐานและเกณฑ์ปฏิบัติในการขนส่ง ขาดระบบการติดตามการขนส่ง ขาดการพิจารณากลั่นกรองเทคโนโลยีในนกระบวนการผลิตไม่มีการควบคุมสารอันตรายในระบบการผลิต ขาดการควบคุมดูแลผู้จำหน่ายรวมทั้งแผนปฏิบัติการฉุกเฉินในกรณีเกิดอุบัติภัยจากสารอันตรายยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงและการปฏิบัติตามแผนก็ยังไม่มีประสิทธิภาพ ประการสำคัญ การให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพิษภัยของสารอันตรายยังไม่ครอบคลุมทั่วถึง และเจ้าสถานประกอบการขาดความรับผิดชอบในการดูแลและป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น